•   แพลตฟอร์มอีโคสตรัคเจอร์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ (EcoStruxure™for Data center) ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค สนับสนุนการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ระดับท็อปเทียร์ ของดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ถึง 2 แห่ง เพื่อการให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมงทั้งสัปดาห์
  • อีโคสตรัคเจอร์ (EcoStruxure™) ให้การมองเห็นการทำงานของระบบที่ครบถ้วน ทั้งข้อมูลเชิงลึกเพื่อลดความเสี่ยงและปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานได้ถึง 15%
  • บุคลากรที่มีประสบการณ์ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ซัพพอร์ตด้วยเครื่องมือดิจิตอล ช่วยลดข้อผิดพลาดของมนุษย์ (human error) และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานได้สูงสุด

 

กรุงเทพฯ– 31 มกราคม 2563 ชไนเดอร์ อิเล็คทริค (Schneider Electric) ผู้นำด้านดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่นในการจัดการพลังงาน และระบบออโตเมชั่น เผยว่า บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด (WHA Infonite Company Limited) ใช้ อีโคสตรัคเจอร์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ด้วยแพลตฟอร์มที่มีนวัตกรรมครบวงจรทั้ง 3 ระดับ ได้แก่ การเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ (Connected Products) ระบบควบคุมปลายทาง (Edge Control) และในระดับแอปพลิเคชั่น การวิเคราะห์ รวมถึงการบริการ (Apps/Analytics/ Services)  ให้กับดาต้าเซ็นเตอร์ ของบริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด ในการให้บริการแก่ธุรกิจในเครือของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป รวมถึงลูกค้าทั้งในนิคมอุตสาหกรรมของดับบลิวเอชเอ และลูกค้าในอุตสาหกรรมที่ต้องการทรานส์ฟอร์มองค์กรไปสู่ดิจิทัล นอกจากนี้ยังเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ใช้บริการ Critical Facility Operations จากชไนเดอร์ อิเล็คทริค อีกด้วย

 

นางจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการเป็นโซลูชั่นพาร์ทเนอร์ที่ดีที่สุด ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป จึงได้เสริมศักยภาพเพื่อสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ให้กับธุรกิจดิจิทัล วันนี้เราจึงรู้สึกยินดีที่ได้ร่วมมือกับชไนเดอร์ อิเล็คทริค ในการให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์โดยใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและแนวทางการดำเนินงานที่ดีที่สุด โดยกระบวนการทั้งหมดสอดคล้องกับการปฏิบัติตามมาตรฐาน เทียร์ 3 (Tier III) และข้อกำหนดมาตรฐานระดับสูงด้วยแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม  ในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นดิจิทัลนี้ สำหรับเราสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการมีเครื่องมือทางเทคโนโลยีอันทันสมัยไว้คอยให้บริการลูกค้าเพื่อให้พวกเขาสามารถส่งมอบประสบการณ์ระดับเหนือชั้นให้กับลูกค้าต่อไป

 

ไกรทส องค์ชัยศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท จำกัด ธุรกิจในกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) “ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ต้องการยกระดับภาคอุตสาหกรรมของประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล เพื่อสนองรับนโยบายรัฐบาลในด้าน EEC (Eastern Economic Corridor) โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก ตามการส่งเสริมและสนับสนุน New S-curve ซึ่งแต่ละอุตสาหกรรมจะเกี่ยวเนื่องกับด้านดิจิทัล ดังเช่น  อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ อุตสาหกรรมดิจิตอล และอุตสาหกรรมการบินและโลจิสติกส์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ

 

โดยในทุกวันนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนโลกกำลังก้าวหน้าขึ้นทุกขณะ หากผู้ประกอบการใดไม่ปรับตัวอาจจะทนรับแรงปั่นป่วนจากกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ยาก ซึ่งเป็นที่มาที่ธุรกิจทุกภาคอุตสาหกรรมควรจะต้องวางนโยบาย ดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชั่น (Digital Transformation) ซึ่งดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท เป็นส่วนหนึ่งของการนำลูกค้าก้าวไปสู่การปฏิวัติการเปลี่ยนแปลง นั่นคือ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการ สัญญาณสื่อสารความเร็วสูง ที่เอื้อต่อการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ ไม่ว่าจะเป็น Robotics, AI, IoT, Cloud Computing, Big Data โดยมีเป้าหมายภายในปี 2024 จะเป็นผู้ให้บริการดาต้าเซ็นเตอร์ครบวงจร (Iaas, PaaS, SaaS) และเป็นผู้นำดาต้าเซ็นเตอร์ด้านเฮลธ์แคร์ของโลก ดังนั้นในการออกแบบและสร้างดาต้าเซ็นเตอร์จึงจำเป็นต้องมีเทคโนโลยีระดับโลกที่ดีที่สุดเพื่อรองรับในวันนี้และอนาคต”

นายไกรทส เผยต่อว่า “โซลูชั่น อีโคสตรัคเจอร์ สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ ของชไนเดอร์ อิเล็คทริค ช่วยให้สามารถควบคุมดูแลกระบวนการทำงานต่างๆ ได้อย่างเต็มรูปแบบผ่านโครงสร้างของอีโคสตรัคเจอร์ ในระดับต่างๆ  ตั้งแต่การเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์ไปจนถึงระดับระบบควบคุมปลายทาง ที่ใช้งานง่าย มีความคล่องตัวและปลอดภัย ด้วยความสามารถในการมอนิเตอร์และรับการแจ้งเตือนผ่านสมาร์ทดีไวซ์ต่างๆ ได้ทุกที่ทุกเวลา นอกจากนี้ในระดับของแอปพลิเคชั่น การวิเคราะห์ และการบริการ ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ใช้ อีโคสตรัคเจอร์ แอสเสท แอดไวเซอร์ (EcoStruxure Asset Advisor) ซึ่งเป็นบริการตรวจสอบประสิทธิภาพของระบบต่างๆ จากข้อมูลที่ได้รับจากเซ็นเซอร์แบบเรียลไทม์ ช่วยในการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์และรวมไปถึงการแจ้งเตือนอัจฉริยะส่งตรงถึงอุปกรณ์สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ด้วยข้อมูลเชิงลึกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการของดาต้าเซ็นเตอร์ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ชไนเดอร์ อิเล็คทริคยังให้บริการ Critical Facility Operations ซึ่งเป็นบริการที่มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญคอยดูแล ดำเนินการ และการแก้ไขปัญหาให้แก่ดาต้าเซ็นเตอร์ของดับบลิวเอชเอ 2 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 4 แห่ง เพื่อให้มีความพร้อมในการให้บริการวันละ 24 ชั่วโมง ตลอดทั้งสัปดาห์ พร้อมรายงานและการรับประกันตามมาตรฐานระดับโลก ซึ่งในภาพรวมสามารถประหยัดการใช้พลังงานได้ถึง 15% และช่วยให้ระบบมีความพร้อมใช้งานแบบ 100%

นายโรมาริก เอินส์ท รองประธาน กลุ่มธุรกิจไอทีสำหรับองค์กร ชไนเดอร์ อิเล็คทริค ประเทศไทย กล่าวว่าอีโคสตรัคเจอร์เป็นทั้งสถาปัตยกรรมและแพลตฟอร์มแบบเปิดมีความสามารถด้าน IoT ช่วยให้ดับบลิวเอชเอ อินโฟนิท ใช้โซลูชั่นของเวนเดอร์รายอื่นร่วมกับโซลูชั่นของเราได้ และยังรองรับการใช้งานในอนาคตได้อีกด้วย ซึ่งช่วยให้พวกเขาเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่ดิจิทัลได้เร็วขึ้น ทำให้เกิดความได้เปรียบในการแข่งขันในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลในปัจจุบันนี้